[Fanfiction] Comfort (TH)
Comfort
Mikoto x Kuroko
(To aru Series)
Author
: RoadMart (PM)
Read
Original : Fanfiction
Rated
: K (อายุห้าขวบขึ้นไป)
Genres : Friendship
Translator
Thai : Jenerisk
เรื่องย่อ
พายุที่โหมกระหน่ำยามค่ำคืนปลุกอิเล็กโทรมาสเตอร์ให้ตื่น
แล้วรูมเมทของเธอล่ะ? เธอเองก็ไม่สามารถข่มตานอนไปทั้งๆ แบบนี้ได้? การนอนหลับที่ไม่สงบ
บางทีมิโคโตะอาจช่วยเธอได้.. MikoKuro ฉบับน่ารักเบาสมอง
_____________________________________________________________________________________________ _____________________________
Author Note :
สวัสดีอีกครั้ง วันนี้โร้ดมาพร้อมกับฟิค MikoKuro อีกเรื่องนึง
เมื่อคืนพายุเข้าอย่างหนักคิดไปคิดมาก็เลยจับมาเป็นธีมเรื่องซะเลย
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับมันนะคะ
__________________________________________ ________________________________________________________________________________
เสียงฟ้าร้องที่ดังอยู่ด้านนอกหน้าต่าง
เทียบกับในค่ำคืนนี้เสียงของมันไม่ได้ดังอะไรมากมายเพียงแต่ดังกว่ารอบที่เพิ่งเลยผ่านไป
เม็ดฝนยังคงตกลงมาอย่างหนัก กระทบกับหน้าต่าง ถ้าลองมองออกไปไกลจากจุดที่เธออยู่
จะเห็นแสงบนท้องฟ้ากระพริบเป็นช่วงๆ.. มองในมุมหนึ่งมันช่างน่ากลัว
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งแล้ว..มันเป็นพายุที่ไม่น่าพิศวงเอาเสียเลย
แต่ไม่ใช่สำหรับมิโคโตะ เธอคืออิเล็กโทรมาสเตอร์ LEVEL 5..กับเธอแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดา เรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับกระแสไฟฟ้า
อย่างเมฆฝนหากเธออยากทำให้มันเกิดแล้วละก็แค่เธอเดินออกไปและบังคับคอนโทรลมันเพียงแค่กระดิกนิ้วนิดเดียว
(เธอคิดว่าเธอทำได้ แต่เธอเองก็ไม่เคยลองทำเลยซักเลยครั้งเพราะเธอไม่ชอบฝนที่จะมาพร้อมกับมัน)
เสียงฟ้าร้องที่ดังเป็นช่วงๆ ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ผิดกับเสียงของมันที่ดังเอามากๆ!
ในสถานการณ์แบบนี้หลับไม่เคยลงเลย เธอบ่นพึมพำในใจขณะที่สายฟ้าด้านบนกำลังเกิดประกายและเริ่มที่จะก่อตัวกันอีกครั้ง
เสียงโหมกระหน่ำดังไปมาคลอเคลียไปพร้อมกับเสียงฝนที่กระทบกับหน้าต่าง แสงฟ้าแลบที่จะปรากฎเป็นจังหวะ
ในเวลาแบบนี้ทุกคนหลับกันได้ยังไงนะ?
พูดถึงทุกๆคนแล้ว
มิโคโตะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในห้องนี้
หันไปอีกมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็นรูมเมทของเธอนอนขดตัวอยู่บนเตียง
สภาพบรรยากาศรอบๆมืดเสียกระไรแต่เธอยังพอสามารถที่จะเห็นอีกฝ่ายได้บ้าง
ดูเหมือนว่า รูมเมทของเธอยังคงหลับอยู่ เอาจริงเหรอเนี่ย? ยัยนั่นหลับลงได้ยังไง?
นักเทเลพอร์ตดูเหมือนว่ากำลังหลับลึกจมดิ่งโลดแล่นอยู่ในฝัน
ประเด็นมันอยุ่ที่ในสถานการณ์พายุกระหน่ำถึงขนาดนี้แต่เธอยังคงหลับปุ๋ย
โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย?
แสงฟ้าแลบบนท้องฟ้ายามค่ำคืนลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างห้องมันสว่างพอที่จะทำให้อิเล็กโทรมาสเตอร์มองเด็กสาวอีกคนที่พักห้องเดียวกับเธอชัดเจนขึ้น
คุโรโกะอยู่ในสภาพขดตัวอยู่ในผ้าห่มทั้งตัวแม้กระทั่งศีรษะของเธอ
มิโคโตะมองดู เธอรู้สึกได้ว่าเด็กคนนั้นกำลังสั่น..
ไม่นานเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นในความเงียบอีกครั้ง
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ...
มิโคโตะลุกขึ้นนั่งคิ้วผูกเข้าหากัน.. ยัยนั่น..?
"คุโรโกะ?" เธอเรียกอย่างนุ่มนวล "ตื่นอยู่หรือเปล่า?"
เจ้าของผมสีน้ำตาลยังคงเงียบ ไร้ปฏิกิริยาใดๆ
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้ง ก็ยังคงไร้ซึ่งการตอบกลับ
หลับอยู่งั้นเหรอ? คิ้วเริ่มชิดเข้าหากัน
ด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นก็ผุดขึ้นมา
ด้วยความที่ว่าทำยังไงเธอก็หลับไม่ลงอยู่แล้ว
เธอค่อยๆย่องไปใกล้เตียงของเด็กสาวอีกคน แสงจากปรากฎการณ์ด้านนอกลอดผ่านเข้ามาที่หน้าต่างทำให้ทัศนียภาพในการมองของเธอดีขึ้น
คุโรโกะ... ดูเหมือนยังหลับอยู่
สีหน้าซีดเซียวเหมือนสับสนหรือกลัวอะไรบางอย่าง
มือของเธอกำผ้าห่มไว้แน่นจนข้อนิ้วของขึ้นเป็นสีขาวขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง มิโคโตะสังเกตุรอบๆดวงตาของเธอชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ไม่ใช่.. ดูแล้วเธอไม่น่าใช่อาการกระวนกระวายหรือสับสนอะไร.. แต่เธอกำลังกลัวงั้นหรือ
"คุโรโกะ..."
มิโคโตะพึมพำ ปกติแล้วเธอคิดว่าเด็กคนนี้คงกำลังกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่า แต่ว่าความกลัวที่เธอกำลังเผชิญมันปรากฎขึ้นบนใบหน้าขณะตอนหลับ แน่นอนว่าอิเล็กโทรมาสเตอร์รู้สึกกังวลใจไม่น้อย ดูท่าจะมีผลกับฝันด้วยสินะ เธอคิด
เธอวางมือบนไหล่ของคนที่เด็กกว่า เธอค่อยๆวางมัน
เบาพอที่จะไม่ทำให้เธอคนที่หลับอยู่ตื่น
เป็นเรื่องที่ดีเมื่อร่างของนักเทเลพอร์ตดูผ่อนคลายขึ้นมาก หืม...
เธอก้มมองลงดูใบหน้าของเด็กสาวอีกครั้ง ยังหลับอยู่...
หรือว่าเธอจะรู้ว่าเป็นฉันกันนะ? เธอคิด แค่จับนิดหน่อยก็ดูเหมือนจะรู้ว่าเป็นฉันแล้วแฮะ เหมือนเธอรู้สึกได้
ไม่นานเสียงฟ้าผ่าดังก้องอีกครั้งส่งผลให้คนตัวเล็กร้องออกมาเบาๆและกลับมาเป็นแบบเดิม เมื่อมิโคโตะเห็นสีหน้าของคนตรงหน้าที่แย่ลงก็รู้สึกเจ็บแปล็บที่หน้าอก
เธอนั่งเอียงตัวไปด้านหน้า หน้าอกชนกับแผ่นหลังอีกคนและพยายามสัมผัสไหล่อีกคนเบาๆ คนตรงหน้าดูอ่อนลง
กลับมาสงบลงแบบเดิมแล้ว
มิโคโตะยิ้มเล้กน้อย ก็.. ทำเท่าที่ทำได้ล่ะนะ
เธอกวาดสายตาไปที่หน้าต่าง ฝนดูเหมือนว่าจะตกน้อยลงเสียงฟ้าผ่าก็เช่นกันสงบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เธอยืนขึ้น.. ตัดสินใจปล่อยเด็กสาวคนนี้ไว้
แต่แล้วมีเหตุการณ์สองอย่างเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน
อย่างแรก เธอเห็นคุโรโกะมีอาการแบบเดิมเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว ตัวเธอสั่น
อย่างที่สอง เสียงฟ้าผ่าสะท้อนเข้ามาในห้องอย่างกึกก้อง เสียงลมหายใจออกมาพร้อมกับเสียงร้องครวญครางใต้ผ้าห่ม
ตัวเธอสั่นมาก
อิเล็กโทรมาสเตอร์ถอนหายใจ "ให้ตายสิ
คุโรโกะ... จะปล่อยไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ด้วย" เธอเริ่มกลับมาคิดเธอควรทำอย่างไรต่อไปดี
ตอนนี้เธอห่มผ้าหนาซะขนาดนี้แล้วหรือว่ามันยังไม่พอกันนะ เธอควรจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอุ่นขึ้นกว่านี้หรือเปล่า? หรือว่าเธอจะหูทวนลมไม่รู้ไม่เห็นไปดี? แต่เพียงแค่แตะสัมผัสคนตัวเล็กก็ผ่อนคลายลงมาก หรือว่าเธอควรจะ—
มิโคโตะหยุดคิด แค่นอนกับเธอก็สิ้นเรื่อง เสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในความคิด ให้ความอบอุ่นแก่เธอ อยู่ข้างๆเธอ กอดเธอไว้ให้ใกล้ชิดสิ
เธอส่ายหัวแรงๆ สลัดความคิดพวกนี้ให้ออกไป ไม่มีทาง!
ถ้ายัยนี่ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเราอยู่ใกล้แบบนั้นแล้วละก็ต้องโดนทำอะไรแย่ๆอีกชัวร์!
เธอรีบหันกลับลำสามร้อยหกสิบองศากลับไปที่เตียงของเธอ
ไม่นาน เพียงแค่เธอดึงผ้าห่มปกคลุมตัวขึ้นมา
เสียงฟ้าร้องก็มาอีกระลอกหนึ่ง เธอหันกลับไปดูคุโรโกะ
สังเกตุการเคลื่อนไหวของคนตัวเล็กที่เริ่มขดตัวมากขึ้นพร้อมกับเสียงหอบหายใจ
สีหน้าของเธอดูแย่ลงอีก ทุกทีคุโรโกะจะเป็นคนที่เข้มแข็งและดูเป็นคนสุภาพเสมอ
แต่นี่.. ไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย... เธอเกาแก้มของเธอเบาๆ แบบนี้ดูไม่สมกับเป็นเธอเอาซะเลย
งั้นไม่ควรจะปล่อยเด็กคนนี้ให้เป็นแบบนั้นใช่มั้ย
มิโคโตะ?
ก็ไม่อยาก..
แต่ว่าหากยัยนั่นตื่นขึ้นมาแล้วเจอในสภาพแบบนั้น มันต้องแย่แน่ๆ!
เธอกังวลเรื่องนั้นจริงๆน่ะเหรอ? ไม่เอาน่า
ดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้ดีๆสิ!
เธอมองกลับไปที่คุโรโกะ
คนตัวเล็กยังขดตัวอยู่ในผ้าห่มท่ามกลางค่ำคืนสภาพฟ้าฝนแย่ๆแบบนี้
เธอจะปล่อยไว้แบบนี้
จะปล่อยให้โดดเดี่ยวทั้งคืน โดยไม่มอบความอบอุ่นเลยซักหน่อยเหรอ?
แบบนั้น...
เธอถอนหายใจ.. ตอบคำถามตัวเอง ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นซักหน่อย
เธอลุกขึ้น ดึงผ้าห่มเตียงคุโรโกะออกเล็กน้อยและสอดตัวเข้าไปแต่มันเป็นเรื่องยากพอตัวกับการที่จะต้องทำให้ไม่ให้คนกำลังหลับอยู่ตื่น
ดูเหมือนคนที่กำลังหลับอยู่จะรู้สึกตัวเล็กน้อย ด้วยปฏิกิริยาที่แสดงออกมาดูเหมือนเป็นการละเมอเสียมากกว่า
มิโคโตะรีบเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเด็กสาวเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงและพยายาม วางส่วนเท้าให้ไม่โดนคนที่กำลังหลับอยู่
ดีมาก! ต่อไปก็ดึงเธอมาใกล้ๆสิ...
ไม่ ฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด
คนตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างๆเธอหยุดสั่น เห็นมั้ย? แค่นี้ก็พอแล้ว
เสียงฟ้าร้องยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ มันกลับมาคำรามอีกครั้งส่งผลให้นักเทเลพอร์ตตัวสั่นระริก
อุ๊ก!... ทำก็ได้!
อาจด้วยฝืนใจเล็กน้อย เจ้าของตำแหน่งเลเวล 5
พยายามโอบรอบเอวคนข้างๆเบาๆ ดึงเธอให้มาใกล้ๆ
จนกระทั่งมือของเธอสัมผัสไปโดนช่องท้องของคนตัวเล็ก คุโรโกะหันไปอีกทางหนึ่งทำให้มิโคโตะไม่สามารถเห็นหน้าเธอได้
แต่ว่าตอนนี้คนตัวเล็กหยุดสั่นแล้วและดูผ่อนคลายมากขึ้น เธอเริ่มสังเกตได้ว่าคุโรโกะที่สั่นอาจเพราะรู้สึกหนาวด้วยก็เป็นได้ ตอนนี้เองเธอคงรู้สึกอุ่นขึ้นบ้าง ต้องขอบคุณอุณหภูมิร่างกายเธอจริงๆ
ความคิดของมิโคโตะเริ่มขัดกับการกระทำ ทำแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน กลิ่นหอมจากการอาบน้ำของคนตัวเล็ก กลิ่นของเส้นผมนุ่ม — บางคนอาจเรียกว่า "กลิ่นของพวกคุณหนู" — เธอรู้สึกถึงความสดชื่น ชุดนอนคืนนี้ของคนตรงหน้าค่อนข้างตัวเล็กแต่เพียงแค่จับก็รู้ได้ว่ามันก็ทำด้วยผ้าเกรดราคาแพง นุ่มนิ่มมือ รู้สึกดีเมื่อเธอได้สัมผัสมัน คนตัวเล็กยังคงนอนนิ่งในอ้อมกอดของเธอ
โฮ่ อย่างกับเธอทั้งสองเกิดมาเพื่อคู่กันเลยนะ! เสียงที่ดังในความคิดขัดจังหวะ ดึงเธอเข้ามาใกล้กว่านี้อีกสิ!
รับรองเธอต้องรู้สึกดีแน่!
ไม่! ฉันไม่ทำ! เธอสงบลงแล้ว
แค่นี้ก็พอแล้ว!
เพียงชั่วขณะฝนฟ้าด้านนอกกลับมาแสดงฤทธิ์ของมันอีกครั้ง
รอบนี้ดังที่สุดเท่าที่เธอได้ยินมาทั้งคืน
เสียงสะท้อนดังเข้ามาในห้องส่งผลให้เธอทั้งสองสะดุ้ง
มิโคโตะพยายามดึงตัวอีกฝ่ายเข้ามา คนตัวเล็กกว่าพลิกตัวหันหน้ามาทางมิโคโตะ ปรากฎใบหน้าของคนตัวเล็กอย่างชัดเจน ใบหน้ามิโคโตะจรดกับใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังแสดงสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
คุโรโกะครวญครางออกมาเล็กน้อย เธอดิ้นมุดซุกเข้าหาหน้าอกมิโคโตะ ใบหน้าไปหยุดอยู่ตรงที่บริเวณซอกคอของคนที่แก่กว่า
ตอนนี้ แม้ว่ายังสั่นอยู่ มิโคโตะรู้สึกได้ว่าคุโรโกะกำลังกำเสื้อของเธอไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหายไป
คนตัวเล็กกำลังหายใจอยู่ข้างๆหูเธอ แก้มสองข้างมิโคโตะขึ้นสีมันคงเป็นการยากเสียแล้วที่จะดันคนข้างกายของเธอให้ออกไป
เธอหลับ เธอยังหลับอยู่ เธอก็แค่กลัวเท่านั้นล่ะ ไม่เป็นไร
เธอพยายามเตือนตัวเองและค่อยๆผ่อนคลาย
เธอก้มลงมองหน้านักเทเลพอร์ต ดูเหมือนคนสับสนเล็กน้อย
มิโคโตะเดาว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดตนกำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอบอุ่นถึงเพียงนี้
หรือไม่ก็ทำไมเธอเหมือนได้กลิ่นของคนอื่นอยู่ด้วยหรือไม่อีกอย่างก็ทำไมตอนนี้เธอถึงไม่รู้สึกกลัวแล้ว
ไม่นานสีหน้าของเธอก็ดูนิ่งและสงบขึ้น เธอยังคงซุกอยู่ในอ้อมกอดของมิโคโตะ
มิโคโตะรู้สึกถึงน้ำใสๆจากดวงตาของอีกฝ่ายที่เริ่มปริ่มออกมา
"อ๊ะ คุโรโกะ..." เธอร้องเรียกเบาๆพร้อมกับพยายามเกลี่ยน้ำตาของอีกฝ่ายก่อนที่จะตัดสินใจที่มอบอ้อมกอดอันอบอุ่นให้อีกฝ่ายให้แน่นขึ้น
ตอนนี้พวกเธอกำลังใกล้ชิด แน่นอนว่าเธอไม่สามารถบอกได้ว่าสถานการณ์นี้มันเริ่มได้ยังไงและจะจบลงแบบไหน
ขาของเธอเริ่มเกี่ยวกับขาของนักเทเลพอร์ตเตอร์ เธอเริ่มซุกใบหน้าตนเองไปบนผมนุ่มของอีกฝ่าย
เธอรู้สึกได้ถึงรอยยิ้มเล็กๆของคนในอ้อมกอด
"ท่านพี่..."
เสียงเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงพึมพำกึ่งหลับกึ่งตื่น
มิโคโตะกระตุกเล็กน้อย เหมือนเด็กเลย...
เธอจ้องใบหน้าร่างในอ้อมกอด เธอยิ้มบางๆสายตาไม่ได้ละออกจากอีกฝ่าย
ก่อนที่เธอจะรู้ตัว เธอก็เผลอมอบจูบอย่างอ่อนโยนบนหน้าผากของอีกฝ่ายไปเสียแล้ว ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อไม่เข้าใจกับการกระทำของตน เธอดึงอีกฝ่ายให้เข้ามาใกล้ๆตัวและเริ่มปล่อยตัวเองให้สบาย เข้าสู่ห้วงนิทราเหมือนกับอีกฝ่าย
....คิดว่านี่น่าจะเพียงพอแล้วล่ะ
__________________________________________ ________________________________________________________________________________
เมื่อมิโคโตะรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเวลาเช้าของวันถัดมา
แสงอาทิตย์กระทบใบหน้าพร้อมกับเสียงของสัตว์ปีกตัวเล็กๆที่อาศัยอยู่ด้านนอกหน้าต่างนี้กำลังสื่อสารกัน
เธอรู้สึกสับสนและแปลกใจทำไมเธอถึงรู้สึกว่าหน้าต่างที่เธอเห็นนั้นอยู่ด้านซ้าย
ทั้งๆที่ทุกทีตื่นขึ้นมาเธอต้องเห็นด้านขวา.. ดูเหมือนว่าเธอเริ่มจะนึกออกแล้ว
กับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เธอรู้สึกว่ามันอบอุ่นเหลือเกิน เมื่อเธอลดระดับสายตามองลงมาเธอพบว่าคุโรโกะยังเกาะเธอไว้และหลับอยู่
สีหน้าของเธอดูสงบ ปกติทุกอย่าง การหายใจปกติไม่ช้าไม่เร็ว
ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้วจริงๆ
ปกติแล้วทุกๆวันเธอคนนี้เป็นคนที่เธอรำคาญมากแท้ๆ
เป็นเด็กที่มักจะชอบกระโดดโลดเต้นวิ่งเข้าหาใส่โดยไม่เลือกสถานที่
ทำให้เธอโกรธกับการกระทำบ้าๆแบบนั้น เธอเองก็มักจะต่อว่าคุโรโกะเสมอ
เธออยากจะมีวันสงบๆ ไม่อยากมาเจอกับสถานการณ์แบบนั้นทุกๆครั้ง ทุกๆวัน
แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อนๆ
เธอยิ้มให้กับคนในอ้อมกอด อาการเคอะเขินแสดงออกมาทางบนใบหน้า สีแก้มสองข้างของเธอแดงระเรื่อจากการสูบฉีดเลือดที่ดูเหมือนจะมากเกิน
เธอตัดสินใจที่จะอยู่แบบนี้ไปอีกซักพัก ดูคนตัวเล็กที่ยังคงหลับไหล
ผ่านไปไม่นานมิโคโตะคิดว่าเธอควรจะปลุกเด็กคนนี้ได้แล้ว
แต่ก็มีเสียงในหัวดังก้องคอยมาขัดขวาง ให้เธออยู่แบบนี้ไปก่อน วันนี้เป็นวันศุกร์และแน่นอนพวกเธอต้องไปโรงเรียน
เธอตัดสินใจใหม่เธอควรจะปลุกคนข้างๆเบาๆ
เธอผละตัวออกเล็กน้อยและใช้นิ้วเกลี่ยเล่นไปตามแก้มของอีกฝ่าย
"คุโรโกะ"
เธอเรียกอีกฝ่าย "ตื่นได้แล้วนะ คุโรโกะ"
เด็กสาวเริ่มขยับตัวช้าๆ
คิ้วของเธอย่นเข้าหากันและปล่อยมือที่เกาะแกะกับเสื้อของคนแก่กว่าออก
เธอเริ่มขยับตัวมากขึ้น ใบหน้ายังซุกไซร้อยู่ที่หน้าอกมิโคโตะก่อนที่จะเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือและเงยหน้ามอง
"อือออ..."
เธอขยี้ตาข้างหนึ่ง "ท่านพี่...?"
มิโคโตะยิ้มให้คนที่เด็กกว่า "อรุณสวัสดิ์
หลับสบายหรือเปล่า?"
"หลับสบายหรือเปล่า...?"
คนตัวเล็กเกิดอาการสับสน "อืม..
รู้สึกเหมือนตอนแรกฝันร้าย.. แต่ว่าหลังจากนั้นมันก็ดีขึ้น.. คิดว่า..
หลับสบายมากเลยล่ะค่ะ"
"ได้ยินแบบนั้นฉันก็ดีใจนะ"
คุโรโกะค่อยๆ
รู้สึกถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของท่านพี่ที่เธอรัก..
แล้วก็ดูเหมือนว่าท่านพี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย มิโคโตะจับสัญญาณความคิดของอีกฝ่ายได้
ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ถามอะไร มิโคโตะยกนิ้วแตะกับริมฝีปากคนในอ้อมกอดก่อนที่จะส่ายหน้าช้าๆ
เป็นนัยว่าเธอเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการถามอะไร
"เห็นเมื่อคืนตอนหลับเธอดูกลัวๆ
ก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรซักหน่อย แค่อยากช่วยให้ดีขึ้นน่ะ"
เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคุโรโกะหน้าแดง
"เป็นอย่างนั้นเหรอคะ"
มิโคโตะพยักหน้าและคิดว่าถึงเวลาที่ต้องลุกจากเตียงนิ่มๆนี้เสียที
เธอจึงค่อยๆขยับตัว "อ๋อ จริงๆ แล้วพอดีเห็นมีคนบางคนกลัวฟ้าร้องฟ้าผ่าน่ะนะ"
คุโรโกะกระตุกเล็กน้อย
"ดิฉันไม่ใช่อิเล็กโทรมาสเตอร์เหมือนคุณพี่นี่นา
แค่นี้มันก็เป็นสิ่งที่มากพอที่จะทำให้ดิชั้นรู้สึกแบบนั้น"
เธอชะงักก่อนที่จะพูดต่อ "นอกจากนี้..."
คุโรโกะไม่ได้พูดต่อ
มิโคโตะหันกลับไปมองคนตัวเล็ก
เธอกำลังคิดว่าอีกฝ่ายต้องกำลังมองเธอด้วยความหื่นสุดกู่และกำลังตั้งท่าจู่โจมมาหาเธอแน่ๆ
แต่จริงๆแล้ว เธอกำลังก้ม ผมของเธอตกลงมาบดบังใบหน้าทำให้มิโคโตะไม่เห็นว่าคนตัวเล็กกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน
"สมัยตอนที่ยังเป็นเด็ก"
เธอเริ่มพูดอีกครั้ง "พ่อแม่ของฉันมักชอบไปเที่ยวนอกบ้าน พวกเขามักจะทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียว หลายวัน หลายคืนจนมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา ทิ้งเด็กตัวเล็กๆ
ให้อยู่เพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ที่แสนจะกว้างขวาง
บ้านที่ว่างเปล่าแบบนั้นมันทำให้ดิฉันเองรู้สึกกลัวมาก แต่ดิฉันก็เริ่มเรียนรู้ในการพยายามช่วยเหลือตัวเองให้มากขึ้น
แต่ว่า... ก็ไม่รู้ซักทีจะทำยังไงเมื่อถึงเวลาพายุเข้า
ไม่เคยมีใครที่จะคอยอยู่ข้างๆ มอบความอบอุ่นให้ยามที่มันเกิดขึ้น
ดิฉันต้องอยู่คนเดียวมาโดยตลอด"
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มหวานปรากฎบนใบหน้าเจ้าของผมสีน้ำตาลแดง
เป็นรอยยิ้มในแบบที่มิโคโตะไม่เคยเห็นจากเด็กคนนี้มาก่อน
"ขอบคุณมากนะคะท่านพี่
ขอบคุณจริงๆ "
มิโคโตะตัวแข็งทื่อ เธอไม่รู้จะตอบกลับยังไง
เธอไม่เคยรู้ถึงอดีตของอีกฝ่ายมาก่อน สิ่งที่เธอมักจะพูดถึงมีแค่เรื่องที่เกี่ยวกับโรงเรียนไม่ก็งานที่เธอทำ
เธอไม่ต้องการคำขอบคุณเหล่านั้นเพราะมันไม่ใช่ปัญหาหนักหนาอะไร
แต่ด้านในหน้าอกข้างซ้ายของเธอกำลังพองโตด้วยความสุขอย่าบอกไม่ถูก
"ไม่เป็นไร"
เธอพูดพร้อมกับยิ้มให้ "แต่อย่าหวังว่าฉันจะทำอะไรแบบนี้อีกนะ เข้าใจมั้ย?"
"แน่นอนค่ะ"
คุโรโกะยิ้มเจ้าเล่ห์ "แค่คืนเดียวก็มากพอสำหรับดิฉันแล้วค่ะ"
มิโคโตะกระอักกระอ่วนรีบเปลี่ยนเรื่อง
"ไงก็เถอะ รีบลุกได้แล้ว จะถึงเวลาเรียนอยู่แล้วนะ"
"ค่ะ!"
ขานรับที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานแบบที่มิโคโตะไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเธอเริ่มชีวิตประจำวันเดิมๆในตอนเช้า ใจจริงเธอก็อยากจะถามคนตัวเล็กเกี่ยวกับอดีตที่เธอเคยเจอมาให้มากกว่านี้ — แต่ด้วยการใช้ความคิดตั้งแต่ดึกทำให้เธอรู้สึกหิวมากกว่าที่จะทำอะไรแบบนั้น — และการที่เธอไม่พยายามหาทางคุยเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่ดีกว่าเพราะเพียงแค่ได้เห็นคุโรโกะมีความสุขเฉกเช่นทุกวันนี้ก็ดีแล้ว เธอไม่อยากจะทำลายมัน
เธอมีความสุขมาก แต่ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้มีความสุขชนิดที่เธอจะไม่มีทางลืมเด็ดขาด
ฉันจะบอกคุณก็ได้ว่าเพราอะไร
แต่ว่า... คุณควรจะพยายามตามหามันเองนะ
______________________________________________ ____________________________________________________________________________
Author Note (จากผู้เขียน) :
อะฮ่า ฉันรู้สึกชอบเรื่องนี้มาก! ฉันรู้ตัวนะว่าตัวเองดูเล่นมากไป~
รู้สึกสนุกจริงๆ
ทุกครั้งที่ฟ้ามันผ่าลงมาเนี่ยพอเสียงมันดังตอนที่กำลังเขียนฟิคเรื่องนี้อยู่
คือฟีลมันได้มากเลยค่ะเพราะอยู่ในสถาการณ์แบบนั้นจริงๆ แต่ฉันอาจจะคิดเยอะคิดมากไปหน่อยจะยัดอะไรใส่อะไรเข้าไปในเรื่องบ้างดี
ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ตามมันก็คลอดออกมาจนได้! เรื่องสั้นอีกหนึ่งเรื่อง~ ฉันพยายามไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับอดีตของคุโรโกะมากนักเพราะฉันนึกไม่ค่อยออกจะเขียนยังไงเกี่ยวกับอดีตของเธอดี
แต่ฉันคิดว่ามันคงจะน่ารักไม่เบาถ้าหากเธอบอกเรื่องราวความลับของเธอให้มิโคโตะฟัง
ก็เลยจัดการเขียนมันขึ้นมาซะเลย เรื่องนี้เขียนตอนช่วงตีสอง
ดังนั้นอย่าซีเรียสเรื่องแกรมม่าที่ฉันพยายามถ่ายทอดมันออกมานะ
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนอีกครั้งค่ะ!
อย่าลืมเขียนคอมเม้นต์รีวิวให้ด้วยนะคะ ทางนี้ยินดีอ่านมากๆเลยค่ะ
มันเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้เขียนต่อไป! แล้วก็จะเขียนแนวเรื่องอบอุ่นของมิโคโตะกับคุโรโกะเรื่อยๆนะคะ
แม้ว่าพายุคืนนี้จะหนาวซักแค่ไหนค่ะ! (ไม่แน่ว่าบางทีพวกเธออาจจะอยากได้อะไรที่พิเศษกว่านี้ อย่างเช่นแชร์ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อ เห~)
แม้ว่าพายุคืนนี้จะหนาวซักแค่ไหนค่ะ! (ไม่แน่ว่าบางทีพวกเธออาจจะอยากได้อะไรที่พิเศษกว่านี้ อย่างเช่นแชร์ความอบอุ่นแบบเนื้อแนบเนื้อ เห~)
Translator Talk (จากผู้แปล) :
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกคน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไปขออนุญาตคุณโร้ดมาแปลค่ะ
ซึ่งเขาตอบกลับมาว่าได้ (เย้) ขอแค่เขียนเครดิตให้ครบเขาก็โอเค มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยค่ะที่จะไปขอเขามาแปลได้ แอบเกรงมากๆค่ะตอนที่ไปถาม ลุ้นคำตอบ ในใจก็คิดว่าเขาคงบอกว่า "เรื่องอะไรล่ะ" แน่นอนค่ะพอขอได้สำเร็จเราก็จัดการให้ลิ้งค์บล็อกไป ซึ่งเขาเองก็ชะแว่บมาดูเป็นครั้งคราวรอเราอัพ(ขอไปตั้งแต่วันที่ 21) ดังนั้นหากอ่านเสร็จแล้วช่วยคอมเม้นต์หน่อยนะคะ
เขาจะได้เห็นว่าเออมีคนมาอ่านผลงานของเขานะ ถึงเขาจะไม่รู้ภาษาไทยแต่มันก็ชื่นใจค่ะ ถ้าเขาแต่งคู่นี้อีกเวลาขอเรื่องต่อไปมาแปลเขาจะได้อนุญาตง่ายขึ้นด้วย
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จขบ.ทำร้ายเรามากเลยค่ะ T wT)
ตอบลบเอาจริงๆคือนานๆทีจะมีคนแปลฟิคคู่นี้ล่ะค่ะ เราชอบคู่นี้มากๆนะ
แต่ฟิคที่เป็นภาษาไทยไม่ค่อยจะมี เราก็ไม่เก่งแกรมม่าหรือยุ่นซะด้วย
ขอบคุมากๆค่ะที่มาแปลให้อ่านกัน โมเม้นท์ของทั้งคู่ในฟิคนี้มุ้งมิ้ง(?)มาก (ฮา)
ฟิคนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ เป็นปลื้มใจจริงๆ 555
เราอ่านตอนเช้าก่อนไปเรียนแอบยิ้มไม่หุบเลย ตอนที่มิซากะเผลอตัวจุ๊บหน้าผากคุโรโกะน่ะค่ะ!!
ขอบคุณมากๆนะคะ!!