[Fanfiction] Redux Chapter02

Redux
Mikoto x Kuroko
(To aru Series)



Author : ReaperLuca (PM)
Read Original : Fanfiction
Rated : (เก้าปีขึ้นไป)
Genres : Adventure/Romance
Translator Thai : Jenerisk




__________________________________________________________________________________________________________________________



AN: ขอโทษที่ให้รอครับ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆเรื่องที่ผมใช้เวลาสองอาทิตย์ในการแต่งตอนนี้ครับ เรื่องที่สอง: ขอบคุณคนที่คอยสนับสนุนแล้วก็คนที่ติดใจเรื่องนี้ รู้สึกตัวจะลอยไปกับข้อความที่ส่งมาแล้วก็รีวิวด้วย พวกคุณทำให้ผมยิ้มได้รู้สึกดีจริงๆครับ ชอบครับเวลาเห็นความรู้สึกของรีดเดอร์ทุกคน ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกคนอยู่อ่านเรื่องจนจบและคอยสนับสนุนผมต่อไปครับ ขอบคุณมากๆ


__________________________________________________________________________________________________________________________




Chapter 2:

Compilation (รูมเมท)


28 กรกฎาคม


มิโคโตะก้มลงมองคุโรโกะ น้ำตายังปรากฎให้เห็นที่หางตา เธอไม่แน่ใจควรจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกไป เพื่อนรักของเธอนั้นหายไปแล้ว คนตรงหน้าก็ไม่ใช่เพื่อนที่สนิทของเธออีกต่อไปแต่อย่างนั้นมิอาจสามารถจะเดินจากเธอคนนี้ไปได้ ในใจเพียงอยากร้องเรียกร้องอยากถามว่าอะไรจะดีขึ้นงั้นเหรอแต่ถ้าเธอพูดออกมีแต่จะไปรังจะทำให้แย่ลง เธอหายใจเข้าช้าๆ และย่อตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวเดิม


ศอกสองข้างท้าวกับที่วาง มือสองข้างยกขึ้นปกปิดใบหน้า ตัวสั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้, เธอหลับตาลง


ถึงเธออยากจะร้องไห้มากแค่ไหน เธอก็ทำไม่ได้ เธอคอยเตือนตัวเองเสมอว่าเธอจะต้องแข็งเกร่งเพราะคุโรโกะต้องการเธอเธอต้องแข็งแกร่ง แข็งแกร่งพอที่จะมั่นใจได้ว่าสามารถปกป้องคุโรโกะได้ คุโรโกะจะปลอดภัยจากทุกๆ สิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่เธอรู้สึกในตอนนี้และเธอเองก็รู้ดีว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันยาก


คุโรโกะมองอีกฝ่ายอย่างเป็นกังวล สองมือยื่นออกไปหวังปลอบประโลม อย่างไม่เข้าใจตัวเอง


หัวใจของเธอเต้นเร็วผิดปกติตั้งแต่เธอมองดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น


วางมือทาบกับหน้าอกตนเองอย่างไม่รู้ควรจะทำอย่างไรก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง


"ขอโทษนะ"


คุโรโกะหันมองอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายยอมคุยกับเธออีก แต่แล้วคำพูดก็กลืนหายไปในอากาศได้ยินเพียงแต่เสียงลมหายใจเข้าออกเพียงอย่างเดียว เจ้าของผมสีน้ำตาลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตา


เธอฝืนยิ้มสัมผัสความโศกเศร้าออกมาได้จากทางสายตา "คงสับสนไม่น้อยเลยใช่มั้ยที่ฉันมาหาในสภาพแบบนี้"


เหมือนมีบางอย่างรั้งคุโรโกะ ภายในอัดแน่นบีบไปถึงหัวใจ เพราะอาจจะกำลังสับสนและอาจเพราะเธอไม่เข้าทำไมหญิงสาวตรงหน้าถึงได้มองเธอแบบนั้น


หรือเป็นเพราะเราในตอนนี้, เด็กที่ชื่อชิราอิ คุโรโกะเป็นใครกันแน่?


"คุโรโกะ?"


"อ๋า" ใบหน้าคุโรโกะขึ้นสีแดงระเรื่อก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ "ขอโทษค่ะ เมื่อกี้พูดอะไรนะคะ?" เด็กสาวเอียงคอ อีกฝ่ายได้แต่ถอนหายใจและเผยรอยยิ้มจางๆ ให้ "ถ้าอยากจะถามอะไร ถามฉันได้หมดนะ"


"อ่า..." คุโรโกะค่อยๆ ผ่อนคลายลง บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่งก่อนคุโรโกะพูดต่อ "ขอบคุณค่ะ เอ่อ...?"


คนที่แก่กว่ายิ้ม ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้า "มิซากะ มิโคโตะ"


คุโรโกะยิ้มกลับท่ามกลางสภาพบรรยากาศรอบๆ ที่ดูตึงเครียด "มิซากะ มิโคโตะ..." เธอทวนชื่ออีกฝ่ายทั้งๆ ที่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำๆนี้ แต่กลับมีความรู้สึกมากมายพรั่งพรูออกมาทุกครั้งที่ออกเสียงชื่อนี้


ใบหน้าเริ่มขึ้นสี มิซากะ มิโคโตะ...


มิโคโตะจ้องด้วยแววตาที่สงสัยก่อนจะถูกขัดจังหวะโดยคนที่มาใหม่หมอที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกบ


"มาถึงแล้วสินะมิซากะซัง จากผลตรวจเธอสามารถกลับบ้านได้แล้วล่ะ ชิราอิซัง"


ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนมีเมฆมาบดบังทัศนียภาพ เธอก้มหน้าลง กำมือแน่น มิโคโตะเห็นดังนั้นก็คิ้วขมวดเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตอบรับหมอกบอย่างสุภาพ


หมอที่มีใบหน้าคล้ายกบกระพริบตาและยักไหล่อย่างเข้าใจ "ทุกอย่างจะดีขึ้น" เขาเดินเข้ามาข้างเตียงคุโรโกะ "พร้อมจะกลับเมื่อไหร่ก็บอกนางพยาบาลนะ ชิราอิซัง"


มิโคโตะกล่าวคำขอบคุณอีกครั้งก่อนเพ่งความสนใจไปที่คุโรโกะอีกครั้ง เธอมองคนที่เด็กกว่าอย่างกังวลและเธอทั้งสองสบตากัน


"เป็นอะไรไป?"


"คือ..." คุโรโกะกัดริมฝีปากเบาๆ "ไม่มีอะไรหรอกค่ะ..."


"รู้สึกยังไม่ดีหรือยังไง..." มิโคโตะจ้อง "อยากกลับบ้านหรือเปล่า?"


"ไม่ใช่เรื่องนั้นคือว่ามัน... ถ้ากลับไป... ไม่อยากอยู่คนเดียวเหมือนตอนนี้"


สิ้นเสียงคุโรโกะราวกับเกิดคำถามขึ้นมาในใจ มิโคโตะสังเกตได้ว่าเหมือนคุโรโกะเองก็ไม่เข้าใจตัวเองทำไมถึงรู้สึกอะไรแบบนั้น


มิโคโตะยกนิ้วเกาแก้มเบาๆ ไม่รู้จะตอบกลับไปอย่างไรกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเร็วแบบนี้ เธอผ่อนลมหายใจยาวๆ ก่อนจะพึมพำอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกอายตามฉบับคนซึนเดะเระแบบเธอ


"ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวซักหน่อย"


คุโรโกะแหงนศีรษะมองเข้าไปในนัยน์ตาอีกฝ่าย "หมายความว่ายังไง?"


มิโคโตะกระแอมก่อนจะหันมองไปทางอื่น" ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเพราะฉันก็อยู่นี่ด้วยไง แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว... ฉันจะไม่ให้มีอะไรขึ้นกับเธอเพราะงั้น..."


วินาทีนั้นทุกอย่างเงียบไปชั่วหนึ่งก่อนคุโรโกะจะผ่อนลมหายใจ เธอหัวเราะคิกคัก "คุณเป็นประเภทชอบอ่านโชโจมังงะอะไรแบบนี้สินะคะ?"


สีหน้ามิโคโตะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว "เงียบน่า ยัยบ้า! ฉันแค่อยากจะให้มันดูดีแค่นั้นเองแล้วก็นะ" มิโคโตะชักงักทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังหัวเราะชอบใจ ตั้งแต่เธอเหยียบเข้ามาในห้องนี้ เป็นครั้งแรกที่คุโรโกะดูเป็นตัวเอง เด็กที่มักชอบแหย่มิโคโตะ


ถึงแม้จะรู้สึกเศร้าแต่ก็ดีใจ บางทีคุโรโกะอาจจะไม่ได้หายไปไหนเหมือนที่เธอคิดก็ได้


เธอค่อยๆ เอนตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวเดิมและยิ้มอย่างอ่อนโยน "หัวเราะไปเลย ครั้งหน้าเดี๋ยวเอาคืนซะเลย"


"โอ่ อย่าทำแบบนั้นนะคะ" คุโรโกะยกมือขึ้นป้องปาก เธอยังหัวเราะคิกคักชอบใจ "ออกจะดูน่ารักออกค่ะ"


"อะไรเล่า ช่างฉันเถอะน่าคุโรโกะ"


มิโคโตะหน้ามุ่ย เสียงหัวเราะของคนตรงหน้ายังมีมาเรื่อย เธอกระแทกเท้าด้วยความอาย "โธ่ พอได้แล้วน่า!"


"กระทืบเท้า?!" คุโรโกะมองด้วยสายตาราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กก็ไม่ปาน แต่ในเวลาเดียวกันอีกฝ่ายก็ดูน่ารักดี


เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายนอกจากชื่อ แต่เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายได้เพราะคนๆ นี้ เธอเองก็รู้สึกดีถึงแม้จะรู้จักอีกคนได้ไม่นานคนที่แคร์เธอ ห่วงใยเธอ ทำให้เธอสามารถที่จะพูดคุยกับอีกฝ่ายได้อย่างตรงไปตรงมา


อาจจะเป็นเพราะแบบนั้น "น่ารักจังเลยมิซากะซัง! ทำให้ดูอีกรอบสิคะ"


"คุโรโกะ!"


เจ้าของฉายา Heaven Canceller ถึงกับระอาส่ายศีรษะก่อนจะเดินออกจากห้อง มีสาวๆ สองคนหัวเราะคิกคักเป็นภาพเบื้องหลังเพราะฉะนั้นคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องให้เด็กคนนั้นอยู่ที่โรงพยาบาลต่อแล้ว


เขายิ้มก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ อีกครั้งง "การช่วยเหลือคนไข้มากมายแบบนี้เป็นสิ่งที่ฉันชอบที่สุด"


แม้จะมีช่วงเวลาสุดแสนกดดัน เขาก็ยังขอทำแบบนี้ต่อไป


.


.


.


คุโรโกะเคาะประตูห้องคามิโจว โทวมะ รอคำอนุญาตจากอีกฝ่าย


"เข้ามาได้ครับ!"


เธอเดินเข้ามาใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อเธอพบว่าเขาลุกออกมาจากเตียงได้แล้วและยืนรับลมอยู่ที่ข้างหน้าต่าง คามิโจวซังหันกลับมาสบตาพร้อมกับยิ้มจางๆ เมื่อเห็นผู้เข้ามาใหม่


"อ๋า ชิราอิซัง"


"ไง" เธอยิ้มให้ชายหนุ่ม "ดีขึ้นแล้วเหรอ คามิโจวซัง"


คามิโจวซังยกแขนขึ้นกอดอก่อนยิ้มให้เธอ "ประมาณนั้น แล้วเธอเป็นไงบ้าง เขาถาม ปล่อยแขนตามแรงโน้มถ่วง "ดูเหมือนว่า..." เขาหยุด จ้องมองสีหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาอ่อนโยน "ดูดีขึ้นกว่าตอนฉันเจอเธอครั้งแรกอีกแฮะ"


"เหรอ?" คุโรโกะไขว้มือไว้ด้าน ก้มลงมองเท้า " รูมเมทฉัน มาเยี่ยม"


"โอ๋?" เขาดูแปลกใจเล็กน้อยแต่แล้วก็มอบรอยยิ้มให้กับเธออีกครั้ง "ดูน่าจะเข้ากันได้ดีนี่ ใช่มั้ยล่ะ?"


"อื้ม เธอคนนั้น.. อ่อนโยนมาก" ยกมือสัมผัสหน้าอก รู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นเมื่อเธอคิดถึงเกี่ยวกับมิซากะซัง "ตอนนี้เธอคนนั้นกลับไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่่ยนให้"


"ดูเป็นเด็กน่ารักนะ"


บรรยากาศเงียบไปซักพักหนึ่ง คามิโจวซังกระแอมออกมาเบาๆ "แล้ว เอ่อ บอกเธอคนนั้นแล้วหรือยัง?"


คุโรโกะพยักหน้า "บอกแล้ว ถึงตอนนี้สำหรับคนนั้นอาจจะเป็นเรื่องทำใจยากแต่ฉันก็รู้สึกดีทีได้พูดความจริง" เธอหลบตาชายหนุ่ม มองพื้นห้อง ชายหนุ่มจ้องเด็กสาวซักพักก่อนจะละสายตามองไปทางอื่นเธอลดมือลงก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่ม


"ตัดสินใจไปแล้วนะคามิโจวซัง ทั้งหมดเป็นความตั้งใจที่นายอยากทำ" เธอมองเขาอย่างไม่เห็นด้วย "ถ้าเกิดอยากจะทำหน้าแบบนั้นก็ไม่ควรที่จะโกหกตั้งแต่แรก"


"รู้แล้วล่ะน่า" เปลี่ยนท่าทางจับท้ายทายตนเองแล้วลูบเบาๆ "โธ่เอ้ย เธอนี่มันดุยิ่งกว่าที่ฉันคิดซะอีก"


"และคุณก็เป็นจำพวกทำแบบนั้นไปกับคนสำคัญของคุณซะงั้น"


คามิโจวซังบึ้ง "ก็ไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้น...ซักหน่อย" เขาบ่นพึมพำมองพื้นด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย


คุโรโกะบึ้งเมื่อมองไปที่นัยน์ตาของเด็กหนุ่ม เธอค่อยๆคลายก่อนถอนายใจเบาๆและยิ้มอย่างอ่อนโยน


"คุณทำในสิ่งที่คิดว่าถูกเพราะงั้นฉันเองก็พูดได้ไม่เต็มปากเหมือนกันว่าทั้งหมดเป็นความผิดของคุณ" เธอนั่งลงเก้าอี้ตัวที่ใกล้กับเตียงของเด็กหนุ่มก่อนยกขาขึ้นไขว่ห้างและท้าวศอกลงบนขาวางแก้มลงบนมือ "จะทำยังไงต่อ?"


คามิโจวซังมองอย่างสับสน "หมายความว่ายังไง?"


"ก็..." แววตาเธอเศร้าลง "ถ้าหากเดินตามถนนได้แบบปกติแล้วก็หมายความว่าต้องเสแสร้งทำแบบนั้นไปทั้งๆที่ไม่อยาก" เธอแสดงความเห็น "จะทำยังไงถ้าเกิดไปเจอกับคนที่นายไม่ชอบเข้าล่ะ?"


"เดี๋ยวสิฉันยังไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นเลยนะ" คามิโจวซังตอบ เขานั่งลงบนเตียงหน้าคุโรโกะ "ไม่รู้เหมือนว่าฉันเคยเป็นแบบไหน คงอาจจะเป็นคนที่บ้าสุดกู่ โชคร้าย อยู่ผิดที่ผิดเวลาตลอด" ชายหนุ่มมองคุโรโกะ "ฉันจะทำทุกอย่างที่จะไม่ให้เด็กคนนั้นร้องไห้อีก ฉันสาบาน"


คุโรโกะจ้องชายหนุ่มพักหนึ่งก่อนถอนหายใจช้าๆและยิ้มจางๆ "ฮ่ะฮ่ะ อย่างกับคนที่ฉันเจอวันนี้เลย บ้าโชโจมังงะเอามากๆ"


คามิโจวซังกระพริบตา สีหน้าของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนไปด้วยความงงปนสับสน พยายามคิดในสิ่งที่เด็กสาวพูด เขานิ่วหน้า "โอ่ย อย่ามาล้อความหวัง ความรู้สึกของผู้ชายเซ่"


เธอแกว่งมือไปมา ไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด "ฉันขออยู่กับความเป็นจริงตอนนี้มากกว่าความฝันละนะ"


โทวมะถอนหายใจยาว "เธอนี่ไม่น่ารักเอาซะเลย รู้มั้ย? ถ้าให้จัดประเภทให้คนอย่างเธอคงเป็นพวกไม่ชอบสัตว์ตัวเล็กอย่างลูกแมวหรือลูกหมาชัวร์"


คุโรโกะส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ เธอกอดอก "และนายเป็นประเภทชอบวิ่งเข้าปัญหาทั้งๆที่ไม่ใช่ธุระตัวเอง"


ท่ามกลางสภาพห้องในห้องเกิดประกายสปาร์คขึ้น พวกเธอจ้องหน้ากันก่อนที่คุโรโกะจะหัวเราะอย่างเนือยๆ เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม เธอหมุนนิ้ว "มาสู้กันแบบนี้คงไม่งามเท่าไหร่..."


คามิโจวซังมองอย่างเข้าใจก่อนยิ้มให้ "ก็จริงนะ... แต่เธอรู้อะไรมั้ย" เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เขายิ้มบางๆก่อนหันกลับมาที่เธอ "เพราะแบบนั้นมันถึงได้สนุกไง"


มีเพียงความรู้สึกที่ไม่คาดคิดมาก่อนกับคำพูดที่หลุดออกมาจากชายหนุ่ม เธอยิ้ม "นายนี่มันเป็นคนที่แปลกโดยสมบูรณ์เลย"


"นั่นสินะ" คามิดจวซังหลับตา ยิ้มกว้าง "อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้"


.


.


.


คุโรโกะเดินออกจากห้องคามิโจวซังหลังจากสัญญากันไว้จะมาเจอกันอีกที


ไม่รู้ว่าเพราะอะไรมือถือของทั้งคู่ถึงได้พังไม่เป็นท่าซะแบบนั้น แต่อย่างน้อยๆ ของคุโรโกะยังพอดูเบอร์ติดต่อของคนอื่นๆได้บ้าง ไม่เหมือนกับคามิโจวซัง แค่หน้าจอโทรศัพท์ก็เสียโฉมซะจนเกินเยียวยา


เธอให้เบอร์ติดต่อไป ถ้าได้โทรศัพท์ใหม่แล้วให้โทรมาหาเธอ มันคงจะเป็นการดีกว่าถ้าหากได้คุยกับคนที่ประสบปัญหาเดียวกันคุยเป็นเพื่อน


คุโรโกะถมึงตึงขึ้นมาทันทีเมื่อต้องคิดเรื่องที่ต้องมานั่งๆนอนๆในโรงพยาบาล แม้ว่าพวกเธอจะเลือกทางเดินที่แตกต่างกันแต่เธอรู้สึกได้ถึงสิ่งที่คามิโจวซังแสดงออกมาทางสีหน้า ยามที่เธอสูญเสียความทรงจำ คงอาจจะมีใครหลายคนใช้ประโยชน์จากการที่เธอเป็นแบบนี้ก็เป็นได้ เธอได้แต่หวังตัวเองจะไม่ถูกหลอกง่ายๆ


อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยดีกว่า เธอคิดก่อนค่อยๆเดินกลับไปที่ห้อง รอมิซากะซังกลับมา เมื่อเธอไปถึงเธอได้ยินหมอกบเรียกชื่อเธอ


"เดี๋ยวก่อน ชิราอิซัง ฉันมีเรื่องสุดท้ายจะคุยด้วยก่อนที่เธอจะไป"


คุโรโกะมองที่หมอกบด้วยสายตางงงวย เธอมองหน้าอีกฝ่าย คิดว่าหมอกบอยากจะพูดอะไร เธอพยักหน้ารับ


หมอกบยิ้มเล็กน้อย "ตามฉันมา ฉันบอกเรื่องนี้กับมิซากะซังแล้วแต่ว่าฉันคิดว่าเธอคงจะเข้าใจกว่าถ้าให้ฉันเป็นคนอธิบายเอง"


"เข้าใจแล้วค่ะ..."


.


.


.



28 กรกฎาคม

หอพักโทคิวะได

9:48 AM


"ต้องทำให้ได้" มิโคโตะพึมพำสายตากวาดไปรอบห้อง เธอนั่งลงบนเตียงคุโรโกะข้างตัวมีกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าที่เธอจัดเอาไว้ เธอมองครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดภายในก่อนพยายามทำตัวให้ร่าเริงสดใส


"โธ่เอ๊ยมิโคโตะ เลิกเป็นแบบนี้ได้แล้ว เราต้องเข้มแข็งสิ" วลีที่เธอคิดวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำๆ ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากโรงพยาบาล น้ำตาที่พยายามกักเก็บกลับไหลลงมาทุกครั้ง


แต่ถึงจะพยายามพร่ำบอกตัวเองซักกี่ครั้ง เธอก็ไม่อาจหักห้ามเสียงสะอื้นที่คอยบีบหน้าอกเธออยู่แบบนี้


"ยัยนั่นเรียกฉันว่า "มิซากะซัง"" มิโคโตะก้มลงมองพื้น ปล่อยเสียงสะอื้นเบาๆ ที่ไม่สามารถห้ามได้ "บ้าที่สุด" เธอปาดน้ำตาที่ไหลริน "แบบนี้มันบ้าเกินไปแล้ว!"


ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้นด้วย ไม่ยุติธรรมเลย คุโรโกะเป็นทั้งเพื่อนสนิท เพื่อนรักของเธอ คนๆเดียวในโลกที่เข้าใจและยอมรับเธอได้ทุกอย่างในสิ่งที่เป็น ถึงแม้จะชอบทำตัวหื่นกามลามกบางครั้งชอบแกล้งชอบล้อเธอว่าเหมือนเด็กทุกครั้ง แต่ถึงจะอย่างนั้นคุโรโกะก็รักเธอ


ถึงจะไม่ชอบนิสัยส่วนนั้นแต่เธอก็เข้าใจความรักของคุโรโกะที่มีให้เธอจนตอนนี้พวกเธอกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังจากปีหนึ่งที่ต้องคอยหลบคอยซ่อนเพราะชื่อเสียงเรลกันอันโด่งดังที่เธอได้รับเธอคงจะแค่บ้าและคิดไปเองที่หวังอยากให้เราได้เป็นเพื่อนกันตลอดไปและไม่มีสิ่งใดมาแยกจากเราได้


แต่ตอนนี้คุโรโกะของเธอจากไปแล้ว เธอคนนั้นจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงเด็กคนหนึ่งที่มีใบหน้าเหมือนเพื่อนของเธอเพียงเท่านั้น ช่างไม่ยุติธรรม


ฉันควรจะทำยังไงต่อไป?


เรียวมือยกขึ้นปกปิดใบหน้าพร้อมกับดวงตาที่ปิดสนิท เธอกัดฟันแน่น... แต่ก็ต้องคลายลงเมื่อเสียงเคาะประตูของใครบางคน มิโคโตะลุกขึ้นเปิดประตูพบกับใบหน้าคุ้นเคยของผู้ดูแลหอ


"มิซากะ เธอไม่เคยเช็คชื่อเลยนะ"


"อึก" มิซากะถึงกับหน้าซีดเผือดทันทีก่อนกระแอมเล็กน้อยด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ "อะเอ่อ ขอโทษค่ะคือแบบหนูแค่ เอ่อ กำลังมึนๆ ตอนนี้แค่กลับมาเอาของเฉยๆค่ะแล้วก็..." เธอก้มมองปลายเท้าก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบา "ขอโทษค่ะ"


ผู้ดูแลได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนวางมือท้าวเอว "รอบนี้จะยอมอะลุ่มอล่วยไปก่อน" สิ้นเสียงก่อนผู้ดูแลหอจะเดินจากห้องไปเธอเหลือบมองมิโคโตะด้วยสายตาดุดันอีกทีหนึ่งและก็สังเกตถึงอะไรบางอย่าง "ชิราอิอยู่ไหน"


มิโคโตะถึงกับคิ้วกระตุกเข้าหากัน คำถามราวสะกิดต่อมอะไรบางอย่างในใจ เธอจับแขนอีกข้างหนึ่งแน่น "ยังอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ ตอนนี้ที่กลับมากะจะเอาชุดไปให้เปลี่ยนแล้วพากลับด้วย"


พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ผู้ดูแลจับแว่นยกขึ้นให้กระชับกับสายตาก่อนจะสาวเท้าก้าวออกไปจากห้อง "ถ้ากลับมาแล้วไปรายงานให้ครูใหญ่รู้ด้วยล่ะ เขาคนนั้นมีอะไรจะพูดกับพวกเธอ"


"อื๋อ?" คิ้วมิโคโตะผูกติดกันอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับอาการสงสัยเขาคนนั้นมีอะไรอยากจะพูดกัน เธอพยักหน้ารับ "ค่ะ"


.


.


.


หอพักโทคิวะได

11:13 A.M.


"โฮ่ ชิราอิจัง ฉันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอแล้วก็เลยอยากเรียกมาคุยอะไรด้วยซักหน่อย ยังไงเธอก็เป็นนักเรียนโปรดของฉันล่ะนะ"


"อ่า ขอบคุณค่ะ" คุโรโกะย่นคิ้วเมื่อเธอเห็นชายตรงหน้า เขาเป็นครูใหญ่ที่นับว่าหนุ่มมากแต่อาจจะเพราะเทคโนโลยีของเมืองแห่งการศึกษา เขาอาจจะแก่กว่าที่เห็นก็เป็นได้


มิโคโตะนั่งข้างคุโรโกะยังคงทำหน้าปกติ พอพวกเธอมาถึงหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาแล้วนับเป็นเวลาเพียงแค่ชั่วโมงหนึ่ง พอมาถึงก็พาคุโรโกะไปพบครูใหญ่ก่อนอย่างแรก ในใจมีแต่ความสงสัย


แต่ถึงอย่างนั้นเธอเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมา เธอแอบคิดในใจคนพวกนั้นน่าจะให้พวกเธอพักก่อนค่อยลากมาคุยกันก็ยังได้


คุโรโกะกระแอมก่อนยืดตัวขึ้นเล็กน้อย "เอ่อ.. คือว่าขออนุญาต...?"


"ฮิกุราชิครับ สาวน้อย"


เธอยิ้มอย่างสุภาพ "ฮิกุราชิซัง คือว่าทำไมถึงให้มิซากะซังกับฉันมาที่นี่ล่ะคะ?"


"โอ้ ใช่ๆ ผมคิดว่าพวกคุณทั้งสองคงอยากรู้แล้วสินะ" เขาวางแขนลงบนโต๊ะนิ้วมือแตะประสานเข้าด้วยกัน "อาจจะฟังดูแปลกๆแต่ว่าทางเบื้องบนกับผมตัดสินใจแล้วว่าเราควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"


"ทำอะไรคะ?" มิโคโตะโพล่ง ความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์กำลังก่อตัวขึ้นภายใน เธอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น


"ก็นะ" ฮิกุราชิถอนหายใจเบาๆก่อนยกมือจับด้านหลังศีรษะ "เรื่องเรียนของชิราอิจังจะได้กลับมาเรียนที่โทคิวะได้ต่อหรืออาจจะไม่ได้... เรื่องที่เข้าโรง'บาลรอบนี้มันมีผลกระทบต่อการเรียนที่นี่"


สิ้นเสียงชายหนุ่มคุโรโกะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ; เธอได้แต่นั่งเงียบกับในสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนกับการที่จะมาไล่เธอออกจากโรงเรียนทั้งๆ แบบนี้


"เดี๋ยวนะ เรื่องนี้มันเรื่องบ้าอะไ" มิโคโตะสวนทันควันก่อนจะรับรู้ได้ถึงวาจาตัวเองที่เผลอหลุดปากไป เธอสูดลมหายใจเข้าระงับอารมณ์ก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง "หมายความว่ายังไงคะ? นี่กำลังจะบอกว่าจะไล่คุโรโกะออกเพียงเพราะเสียความทรงจำใช่มั้ย?"


กับเรื่องที่บ้าๆโหดร้ายแบบนี้เดาความรู้สึกของมิโคโตะตอนนี้ได้ไม่ยาก เธอเองก็รู้โทคิวะไดบางทีก็ไม่มีเหตุผลแต่กับเรื่องนี้ น่าขำสิ้นดีคุโรโกะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่นี่เมื่อหลายเดือนที่แล้วหากนับย้อนไปคงเป็นช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน มิโคโตะรู้ดีที่สุดว่าคนตัวเล็กคนนี้พยายามมากแค่ไหนกับการเข้าเรียนที่นี่ให้ได้


"ถ้าจะให้บอกเรื่องของชิราอิจัง ผมคิดในทางที่น่าจะเป็นไปได้นะ ผมคิดว่าเจ้าตัวคงเรียนต่อหลักสูตรแบบนี้ไม่ได้แล้"


"อย่ามาล้อเล่นกันนะ!" มิโคโตะลุกขึ้นมือกระแทกลงโต๊ะอย่างจังพร้อมตะโกนใส่หน้าครูใหญ่ "บ้ากันไปหมด!"


"น่า น่า มิซากะจัง" ฮิกุราชิซังยิ้มแหยงๆ แขนยกขึ้นเป็นสัญญาณต้องการให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ความกลัวก่อตัวขึ้นภายในนัยน์ตาของเขาบางทีเขาอาจจะเพิ่งรู้ตัวก็ได้ว่าเขากำลังนั่งอยู่ข้างหน้าเจ้าของ Level 5 "มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้นนะ"


"ไม่มีเหตุผลกันซักคน!" ความโมโหของมิโคโตะยังก่อตัวอย่างต่อเนื่อง เธอหันมาทางคุโรโกะ "คุโรโกะได้ยินเรื่องงี่เง่านี่มั้" มิโคโตะหยุดทันทีเมื่อเธอเห็นสีหน้ารุ่นน้องของเธอ


เธอนิ่วหน้าก่อนลดแขนลงท้าวเอวและยืดตัวขึ้น ท่าทางของเธอกำลังบอกฮิกุราชิซังเป็นนัยๆอย่างเอาเรื่อง "คุณกลัวว่าคุโรโกะจะใช้พลังไม่ได้ใช่มั้ย?"


ฮิกุราชิซังถึงกับสะอึกก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "ก็อีกหนึ่งเหตุผลล่ะนะ"


"ถ้างั้นก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรกับเรื่องนั้นแล้วล่ะค่ะ ถึงยังไงคุโรโกะก็ยังใช้พลังได้เหมือนตอนที่ความทรงจำยังอยู่ดีครบ ใช่มั้ย คุโรโกะ?"


คุโรโกะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเธอรับรู้ได้ถึงน้ำหนักมือของเจ้าของผมสีน้ำตาลที่สัมผัสกับไหล่เธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองมิโคโตะด้วยความตกใจก่อนหันกลับไปมองครูใหญ่ "ค่ะ ตามที่มิซากะซังบอก"


มิโคโตะจับไหล่แน่นขึ้นพักหนึ่งเป็นการบอกให้อีกฝ่ายพูดต่ออย่าเพิ่งคิดอะไรเยอะ คนตัวเล็กพูดต่อ "ถึงดิฉันจะเสียความทรงไปแต่ดิฉันก็ยังคงเป็นเทเลพอร์ตเตอร์ ความรู้ทักษะที่ใช้เทเลพอร์ตยังวนเวียนอยู่ในหัว ดิฉันจะทำให้ดูก็ได้ค่ะถ้าอยาก"


ฮิกุราชิซังคิ้วขมวด "ก่อนจะพูดเรื่องนั้น ช่วยอธิบายให้ผมฟังก่อนทำไมถึงยังทำได้? ผมคิดว่าคุณเสียความทรงจำไปแล้วซะอีก?"


"ค่ะ" คุโรโกะเลียริมฝีปากก่อนถอนหายใจ "ความจำของมนุษย์ไมได้จดจ่อกับสิ่งใดๆสิ่งหนึ่งจริงๆแล้วมีเยอะมากจนนับไม่ถูกแต่จะมีเพียงสองอย่างที่สำคัญคือหน่วยความทรงจำที่เกี่ยวกับตอนเรียน ความรู้และกิจกรรมต่างๆที่เคยทำมาก่อนมันจะไปกระตุ้นให้นึกถึงเรื่องพวกนั้นเองเพราะว่าของดิฉันเองก็เป็นแบบนั้นเพราะงั้นดิฉันยังจดจำสิ่งที่เคยเรียนมาได้ทั้งหมด ดิฉันจะขออยู่ที่นี่ในฐานะนักเรียนต่อค่ะ"


"จริงเหรอเนี่ย? น่าสนใจจริงๆ"


คุโรโกะเขม็งเล็กน้อย "ถ้าไม่เชื่อจะเช็คกับหมอประจำตัวก็ได้นะคะ เพราะยังไงเขาคงพูดแบบเดียวกับที่ดิฉันพูดอยู่แล้ว"


"ไม่ต้องหรอกๆ มันไม่สำคัญแล้วจ้าชิราอิจัง" ฮิกุราชิซังยิ้ม เขาดึงเอกสารออกมาและตราประทับมันอย่างรวดเร็ว "ผมไม่เหตุจำเป็นที่จะไม่ให้คุณอยู่ที่นี่แล้วในเมื่อทุกอย่างกระจ่าง" เขาฟุดฟิดก่อนวางกระดาษเอกสารลง "ผมต้องขอโทษสำหรับเมื่อกี้ด้วยแต่มันเป็นสิ่งจำเป็นกับการที่จะอยู่ในรั้วโทคิวะไดของเราต่อได้..."


"ไม่ต้องอธิบายอะไรแล้วค่ะฮิกุราชิซัง" คุโรโกะขัดอีกฝ่าย เธอปัดผมไปด้านหลังก่อนจะยืนและจัดกระโปรงให้เข้าที่ "ฉันเข้าใจดีค่ะ มันเป็นนโยบายใช่มั้ยละคะ?" เธอจ้องฮิกุราชิซังกลับด้วยสายตาเย็นชาก่อนจับแขนมิโคโตะ


"พวกเราหมดธุระแล้ว จะกลับห้องกันเลยมั้ยคะมิซากะซัง?"


มิซากะกระพริบตาถี่ๆก่อนหัวเราะออกมาเบาๆ "อ๋า จริงสิ งั้นกลับกันเถอะ" เธอหันมามอบยิ้มแหยๆให้ฮิกุราชิซัง มือจับด้านหลังศีรษะ "ขอโทษเรื่องโต๊ะด้วยล่ะกันค่ะ" เธอหันกลับ รอยยิ้มสดใสปรากฎบนใบหน้า เธอปิดประตูห้อง "ไปกันเถอะคุโรโกะ"


.


.


.



โทคิวะได

ห้องของมิโคโตะและคุโรโกะ


"ไม่อยากจะเชื่อเรื่องเกรียนๆตะกี้เล๊ย! พวกนั้นก็แค่อยากจะรักษาชื่อเสียงอัน "แสนสำคัญ" ก็เท่านั้นเองไม่ใช่ไง๊! มิโคโตะเตะเตียงด้วยโกรธขุ่นมัวอยู่ในใจ "กล้าดียังไงจะมาไล่ออก! เธอไม่ใช่คนป่วยอย่างนั้นซักหน่อยให้ตายสิ" เธอเสยผมขึ้นก่อนกำหมัดแน่น "อยากจะ" เธอชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงมือที่กำลังดึงเสื้อฟอร์มฤดูร้อนของเธออยู่


เธอย่นหน้าหันกลับไปมองด้วยตาข้างหนึ่งแต่แล้วก็สังเกตได้ถึงสายตาคุโรโกะที่มองมาที่เธอ เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ไม่ต่อเนื่องของตัวเองกับสายตาที่จ้องมองขึ้นมาที่เธออย่างน่ารักและซื่อตรง


"ขอบคุณนะ" เหมือนถูกยิงบีมใส่ก้ไม่ปาน คุโรโกะลดสายตาลงมองพื้น "ฉันช็อคมากกับเรื่องเมื่อกี้ ถ้าคุณไม่ช่วยพูดแบบนั้นคงได้โดนไล่ออกก่อนที่จะได้อธิบายอะไรไปแน่ๆ"


"อ๋า..." มิโคโตะยังคงจดจ้องที่คุโรโกะ ไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนก่อนจะมอบสายตาอ่อนโยนให้อีกฝ่ายและวางมือสัมผัสกับศีรษะของอีกฝ่าย "ฉันแค่ไม่อยากให้เงียบไปแบบนั้นเท่านั้นล่ะ... ตะ- แต่ถ้ามีอะไรบอกฉันได้นะคุโรโกะ ยังไงฉันก็เป็นรุ่นพี่"


"รุ่นพี่?" คุโรโกะเอียงคอและชักสีหน้าสงสัย "เราเป็นรูมเมทกันถูกมั้ยคะ?"


คุโรโกะกระพริบตาถี่ๆก่อนยกแขนกอดอกและคิ้วขมวดเล็กน้อย "ใช่แล้ว"


"งั้นทำไมถึงมาอยู่ห้องเดียวกับรุ่นน้องได้คะ?"


ดังมีบางอย่างสะท้านเข้าที่กลางหลังมิโคโตะ เธอหัวเราะคิกๆอย่างไม่เป็นธรรมชาติ "ฉันเคยอยู่กับรูมเมทคนหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว แต่แล้วเธอก็ไล่รูมเมทฉันออกไป..." มิโคโตะลูบคอๆด้วยความเขิน แก้มทั้งสองขึ้นสี "ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ไม่ค่อยอยากถามด้วยแบบว่าฉันกลัวถ้ารู้ว่าทำยังไงถึงไล่ตะเพิดไปได้แบบนั้น"


"โอ๋..." คุโรโกะรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่ไหลตามแก้มของเธอลงมา น่ากลัวอะไรเยี่ยงนี้


ส่ายหัว คุโรโกะหยุดคิดทุกอย่างก่อนหันกลับนั่งลงบนเตียงของตัวเอง "งั้น รุ่นพี่มิซากะ


"โหๆ เธอไม่เคยเรียกฉันว่ารุ่นพี่มาก่อนเลยนะเนี่ย ตอนเราเจอกันครั้งแรกเธอก็เรียกฉันว่า "ยัยบ้า" ไม่นานมานี้ก็เรียก "มิซากะซัง" ตอนอยู่ต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ แล้วก็..." สายตามิโคโตะทอดยาวไกลออกไป เธอค่อยๆหลับตาลงและถอนหายใจเบาๆ "เรียกฉัน "มิโคโตะ" ก็ได้นะ"


"รุ่นพี่... มิโคโตะ?"


มิโคโตะย่นคิ้ว เธอยิ้มกว้าง "ไม่ต้องเรียก "รุ่นพี่" ก็ได้"


คุโรโกะเม้มปากยิ้มหน่อยๆ "ฉันรู้สึกดีกว่าถ้าเรียกคุณว่า "รุ่นพี่" ดูเป็นการเคารพด้วยค่ะ"


"โฮ่..." รอยยิ้มมิโคโตะค่อยๆจางหายไป เธอก้มลงมองพื้นกระเบื้องก่อนมองคุโรโกะที่อยู่ด้านหลังผมม้าที่ปรกหน้าเธอ "ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก็เรียกแบบล่ะกัน ตอนนี้น่าจะหิวแล้วใช่มั้ย ฉันจะไปหาอะไรมาให้กินนะ คงขออนุญาตผู้ดูแลหอได้อยู่"


"ค่ะ" คุโรโกะนิ่วหน้าเมื่อเธอเห็นมิโคโตะเดินออกจากห้องไป เธอกัดริมฝีปากเบาๆ ฉันทำร้ายความรู้สึกของเธอนั้นอีกหรือเปล่า?


ถอนหายใจเล็กน้อย คุโรโกะล้มตัวลงนอนกอดหมอนที่อยู่บนเตียง เธอหลับตาลงพักหนึ่งก่อนลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง



แบบนี้... แบบนี้คงยากแล้วสินะ



.


.


.



 _________________________________________________________________________________________________________________________



AN: ENDYMION NO KISEKI จะมาอาทิตย์หน้าแล้วก็ตอนใหม่ของ Railgun S ดีมากเลยครับ ผมชอบมาก ทุกทีผมจะเบื่อกับการใส่ฟีลเลอร์อันน่าเบื่อทั้งหลายแล่แต่รอบนี้ผมว่าเขาทำออกมาได้ดีกับการที่สาวๆ ร่วมมือกันแล้วก็จบลงด้วยความแฮปปี้ แล้วก็นะครับมีใครช็อตคุโรโกะกับมิโคโตะใน OP ตัวใหม่กับตอนจบตอนมั้ยครับ ผมว่าดีเลย ผมกำลังคิดอยู่ว่า Railgun S เนี่ยดีที่สุดเท่าที่ J.C. ทำออกมาแล้วถ้าเทียบกับ Raildex ที่ผ่านมา ให้ตายเถอะทำเอาผมอยากดู INDEX III เอามากๆ แล้วก็ ENDYMION NO KISEKI ด้วย ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านเหมือนเดิมครับ พบกันตอนต่อไป



Translator Talk :

ยากของคุโรโกะหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกว่ามันจะต้องดีขึ้นเป็นเรื่องที่ยากซะแล้ว ประมาณนี้ตามที่เราเข้าใจ ฮา

ตอนนี้ดำน้ำเยอะมากๆ เลย เฮอๆ ถ้าว่างเมื่อไหร่จะมาแก้อีกทีหนึ่ง








2 ความคิดเห็น:

  1. เรื่องนี้เขาไม่เขียนแล้ว หรือว่าไม่แปลแล้วคะ?
    อยากอ่านมากกกกกก ชอบคู่นี้อ่าาา><

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. นักเขียนเลิกเขียนแล้วค่ะ TT

      ลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.